วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ลักษณะทางเศรษฐกิจของโลก

 

เกษตรกรรม  ถือเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลักของโลก จำแนกได้ดังนี้
1.1   การเพาะปลูก  ทวีปอเมริกาใต้มีการเพาะปลูกเพื่อการยังชีพควบคู่ไปกับการเพาะปลูกเพื่อการค้า  การเพาะปลูกเพื่อการยังชีพ จะเป็นการใช้พื้นที่ขนาดเล็กและเป็นทำไร่เลื่อนลอย  โดยชาวพื้นเมือง  หรือ ประชากรส่วนใหญ่ของทวีป  ส่วนการเพาะปลูกเพื่อการค้าจะเป็นการปลูกในพื้นที่ขนาดใหญ่ส่วนใหญ่เป็นนายทุนชาวผิวขาว พืชสำคัญที่นิยมปลูกเพื่อการค้า ได้แก่




-  ข้าวสาลี   เป็นพืชที่ปลูกได้ดีในเขตภูมิอากาศแบบอบอุ่นในทวีปอเมริกาใต้จะปลูกในเขตละติจูดสูงทางตอนใต้ของประเทศอาร์เจนตินา

-   กาแฟ   ปลูกได้ดีในเขตร้อนชื้น ในประเทศ บราซิล และ โคลัมเบีย

 -  โกโก้   ปลูกมากในประเทศบราซิล เอกวาดอร์ และ เวเนซุเอลา

 -  อ้อย    ปลูกมากบริเวณชายฝั่งในที่สูงบราซิลและบริเวณเชิงเทือกเขาแอนดีสในประเทศโคลัมเบีย

-  ข้าวโพด   ปลูกกระจายมากบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ที่ราบสูงตอนล่าง และที่ราบลุ่ม               แม่น้ำปารานาในประเทศอาร์เจนตินา

 -   ฝ้าย     ปลูกมากในประเทศบราซิล อาร์เจนตินาและเปรู

 -    ยางพารา  ปลูกมากในประเทศบราซิล และ อุรุกวัย

 -   พืชสกุลส้ม   ปลูกมากตามชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกและชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลแคริบเบียน

 
1.2   การเลี้ยงสัตว์ ทวีปอเมริกาใต้มีทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่กว้างขวางมาก



 

-   วัวพันธุ์เนื้อ เลี้ยงมากบริเวณชายฝั่งตะวันออกของบราซิล  อุรุกวัย อาร์เจนตินา โดยเฉพาะประเทศอาร์เจนตินา มีการเลี้ยงโคเนื้อมาก สามารถส่งออกมากที่สุดในทวีป  

-   แกะพันธุ์เนื้อ และพันธุ์ขน เลี้ยงมากบริเวณเขตอากาศกึ่งแห้งแล้งของเปรู ชิลี  ที่ราบสูงปาตาโกเนีย 

-   หมู เลี้ยงในบราซิล และอาร์เจนตินา 

1.3   การประมง  ส่วนใหญ่ทาการประมงขนาดเล็กบริเวณชายฝั่ง  แหล่งประมงที่สำคัญของทวีปคือ บริเวณชายฝั่งประเทศเปรู อาร์เจนตินา บราซิล หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ หมู่เกาะของเวเนซุเอลา  ประเทศเปรู   ส่งเสริมการทำปลาสดแช่แข็งส่งไปจำหน่ายที่ประเทศสหรัฐอเมริกา 



1.4  การทำเหมืองแร่   แหล่งทรัพยากรที่สำคัญของโลก แหล่งแร่ ที่สำคัญได้แก่ 


 -   ทองแดง  ประเทศที่ผลิตทองแดงได้เป็นอันดับ ของโลก  คือ  ประเทศชิลี และยังพบมาก ประเทศเปรู และบราซิล

 -   เหล็ก   ในทวีปอเมริกาใต้ได้พบ 3 บริเวณ ได้แก่ บริเวณที่สูงกิอานา  ในประเทศเวเนซุเอลา บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำอะแมซอนและที่สูงบราซิล

-  ทองคำ  พบได้มากในประเทศโคลัมเบีย และบราซิล

-  เงิน  พบตามแนวเทือกเขาแอนดีสในเขตประเทศเปรู ชิลี และ โบลิเวีย

-  น้ำมันดิบ พบมากในประเทศเวเนซุเอลา และบางพื้นที่อาร์เจนตินา และโคลัมเบีย

-   ถ่านหิน   พบบริเวณเทือกเขาในเขตประเทศชิลี โคลัมเบีย และ อาร์เจนตินา

-   รัตนชาติ ที่สำคัญ คือ เพชร พบในบริเวณที่สูงกิอานาทางตอนเหนือ และที่สูงบราซิล

1.5  การทำป่าไม้   เขตป่าไม้ที่สำคัญ คือ เขตป่าเซลวัส บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำอะแมซอน แต่ด้วยเป็นเขตทุรกันดาร การคมนาคมไม่สะดวก มีโรคร้ายชุกชุม  เช่น โรคมาเลเรีย จึงมีการทำป่าไม้เฉพาะบริเวณที่มีแม่น้ำไหลผ่าน ไม้ที่มีค่า เช่น ต้นซิงโคนาที่นำมาสกัดทำยาควินิน ต้นยูคาลิปตัส ยางพารา และยางไม้ที่นำมาใช้ทำหมากฝรั่ง เป็นต้น

 
2.  การอุตสาหกรรม         ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐาน ส่วนอุตสาหกรรมขั้นสูงจะอยู่ในวงจำกัดและมีเฉพาะบางประเภท ดังนี้

2.1   อุตสาหกรรมขั้นพื้นฐาน  ได้แก่ 

-   อุตสาหกรรมการเกษตร   จะกระจายในหลายประเทศที่สำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางเกษตร  ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดกลาง  เช่น อาหารสด    อาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง น้ำตาลทราย แปรรูปยางพารา  เป็นต้น โดยการผลิตอาหารกระป๋อง จะพบประเทศ อาร์เจนตินา และเปรู   ผลิตภัณฑ์เนื้อวัวและแกะ พบในประเทศอาร์เจนตินา และบราซิล น้ำตาลทราย ในประเทศบราซิล 

โคลัมเบีย และ กายอานา  น้ำมันปาล์ม พบในประเทศโคลัมเบีย และ เอกวาดอร์  แปรรูปยางพารา ในประเทศบราซิล

 -   อุตสาหกรรมการประมง  พบกระจายตามชายฝั่งตอนเหนือ                  แถบชายฝั่งทะเลแคริบเบียน ด้านตะวันตกของชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกและด้านตะวันออกชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก

 ประเทศที่มีอุตสาหกรรมการประมง ได้แก่ประเทศเปรู และ ชิลี

   2.2   อุตสาหกรรมขั้นสูง   ส่วนใหญ่เป็นการย้ายฐานการผลิตจากกลุ่มประเทศพัฒนา เช่นเดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาที่ย้ายฐานการผลิตมายังประเทศในทวีปอเมริกาใต้              

อุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่

-   อุตสาหกรรมเกี่ยวกับปิโตรเลียม  พบในประเทศโคลัมเบีย   เปรู  เอกวาดอร์ เวเนซุเอลา และ ตรินิแดดและโคเบโก

-   อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ พบในประเทศชิลี เวเนซุเอลา และตรินิแดดและโคเบโก

 -   อุตสาหกรรมยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง  พบในประเทศอาร์เจนตินา บราซิล และ อุรุกวัย

-   อุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ พบในประเทศปารากวัย

ลักษณะประชากรของโลก


ประชากรโลกมีอยู่ 3 ชาติพันธุ์ใหญ่ คือ
 

 
๑.นิกรอยด์ หรือพวกผิวดำ มีผิวกายคล้ำ ผมหยิกดำ จมูกแบนใหญ่ รูจมูกกว้าง ริมฝีปากหนา ตาโต เป็นประชากรส่วนใหญ่ของทวีปแอฟริกา และหมู่เกาะของมหาสมุทรแปซิฟิก


 

๒.มองโกลอยด์ หรือพวกผิวเหลือง มีผิวกายสีเหลือง ตาเรียวเล็ก ผมสีดำ ศรีษะกลม หน้าแบนกว้าง เป็นประชากรส่วนใหญ่ของทวีปเอเชีย บางส่วนของอเมริกากลาง และอเมริกาใต้

 
๓.คอเคซอยด์ หรือพวกผิวขาวมีผมสีทองหรือน้ำตาล เส้นผมละเอียด จมูกเป็นสันโด่ง คางยื่น หน้าผากสูง เป็นประชากรส่วนใหญ่ของทวีปยุโรป ทวีปอเมริกาเหนือ และบางส่วนของทวีปเอเชีย







 

ลักษณะทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของโลก





ทรัพยากรธรรมชาติหมายถึง สิ่งต่าง ๆ(สิ่งแวดล้อม) ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและมนุษย์ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ เช่น บรรยากาศ ดิน น้ำ ป่าไม้ ทุ่งหญ้า สัตว์ป่า แร่ธาตุ พลังงาน และกำลังแรงงานมนุษย์ เป็นต้น

โดยคำนิยามแล้วจะเห็นได้ว่า ทรัพยากรธรรมชาติทุกประเภทนั้นจะเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อม แต่สิ่งแวดล้อมทุกชนิดไม่เป็นทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมด ซึ่งอาจกล่าวสรุป ได้ว่าการที่จะจำแนกสิ่งแวดล้อมใด ๆ เป็นทรัพยากรธรรมชาตินั้น มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการ
- ประการแรก เกิดจากความต้องการของ มนุษย์ที่จะนำสิ่งแวดล้อมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ กับตนเอง
- ประการที่สอง การเปลี่ยนแปลงตาม กาลเวลา ถ้ายังไม่นำมาใช้ก็เป็นสิ่งแวดล้อม แต่ ถ้านำมาใช้ประโยชน์ได้ก็จะกลายเป็นทรัพยากรธรรมชาติในช่วงเวลานั้น ๆ
- ประการที่สาม สภาพภูมิศาสตร์และ ความห่างไกลของสิ่งแวดล้อม ถ้าอยู่ไกลเกินไปคนอาจไม่นำมาใช้ ก็จะไม่สามารถแปรสภาพเป็นทรัพยากรธรรมชาติได้

สิ่งแวดล้อมหมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา ทั้งสิ่งที่มีชีวิต สิ่งไม่มีชีวิต เห็นได้ด้วย ตาเปล่า และไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า รวมทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์เป็นผู้ สร้างขึ้น หรืออาจจะกล่าวได้ว่า สิ่งแวดล้อมจะประกอบด้วยทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรที่มนุษย์สร้างขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งเพื่อสนองความ ต้องการของมนุษย์นั่นเอง
- สิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ได้แก่บรรยากาศ น้ำ ดิน แร่ธาตุ และสิ่งมีชีวิตที่ อาศัยอยู่บนโลก (พืช และสัตว์) ฯลฯ
ประเภทของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แบ่งตามลักษณะที่นำมาใช้ได้ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ


1. ทรัพยากรธรรมชาติประเภทใช้แล้วไม่หมดสิ้นได้แก่
1.1) ประเภทที่คงอยู่ตามสภาพเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลย เช่น พลังงาน จากดวงอาทิตย์ ลม อากาศ ฝุ่น ใช้เท่าไรก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไม่รู้จักหมด
1.2) ประเภทที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากถูกใช้ในทางที่ผิด เช่น ที่ดิน น้ำ ลักษณะภูมิประเทศ ฯลฯ ถ้าใช้ไม่เป็นจะก่อให้เกิดปัญหาตามมา ได้แก่ การปลูกพืชชนิดเดียวกันซ้ำ ๆ ซาก ๆ ในที่เดิม ย่อมทำให้ดินเสื่อมคุณภาพ ได้ผลผลิตน้อยลงถ้าต้องการให้ดินมีคุณภาพดีต้องใส่ปุ๋ยหรือปลูกพืชสลับและหมุนเวียน
2. ทรัพยากรธรรมชาติประเภทใช้แล้วหมดสิ้นไปได้แก่
2.1) ประเภทที่ใช้แล้วหมดไป แต่สามารถรักษาให้คงสภาพเดิมไว้ได้ เช่น ป่าไม้ สัตว์ป่า ประชากรโลก ความอุดมสมบูรณ์ของดิน น้ำเสียจากโรงงาน น้ำในดิน ปลาบางชนิด ทัศนียภาพอันงดงาม ฯลฯ ซึ่งอาจทำให้เกิดขึ้นใหม่ได้
2.2) ประเภทที่ไม่อาจทำให้มีใหม่ได้ เช่น คุณสมบัติธรรมชาติของดิน พร สวรรค์ของมนุษย์ สติปัญญา เผ่าพันธุ์ของมนุษย์ชาติ ไม้พุ่ม ต้นไม้ใหญ่ ดอกไม้ป่า สัตว์บก สัตว์น้ำ ฯลฯ
2.3) ประเภทที่ไม่อาจรักษาไว้ได้ เมื่อใช้แล้วหมดไป แต่ยังสามารถนำมายุบให้ กลับเป็นวัตถุเช่นเดิม แล้วนำกลับมาประดิษฐ์ขึ้นใหม่ เช่น โลหะต่าง ๆ สังกะสี ทองแดง เงิน ทองคำ ฯลฯ
2.4) ประเภทที่ใช้แล้วหมดสิ้นไปนำกลับมาใช้อีกไม่ได้ เช่น ถ่านหิน น้ำมันก๊าซ อโลหะส่วนใหญ่ ฯลฯ ถูกนำมาใช้เพียงครั้งเดียวก็เผาไหม้หมดไป ไม่สามารถนำมาใช้ใหม่ได้
ทรัพยากรธรรมชาติหลักที่สำคัญของโลก และของประเทศไทยได้แก่


น้ำ


ทรัพยากรน้ำ
น้ำหมายถึง ของเหลวเกิดจากการรวมตัวกันของก๊าซไฮโดรเจนและก๊าซออกซิเจนในภาวะที่เหมาะสมหรือความหมายในลักษณะเป็นทรัพยากรธรรมชาติ หมายถึง สิ่งที่นำมาใช้อุปโภค บริโภค ชำระล้างร่างกาย ใช้ในการเพาะปลูก การเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การคมนาคมทางน้ำ การผลิตพลังงาน ทรัพยากรน้ำยังเป็นทรัพยากรประเภทหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นทดแทนอยู่ตลอดเวลาเป็นวัฎจักร

ป่าไม้


ทรัพยากรป่าไม้

ป่าไม้คือ สังคมของต้นไม้และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อันมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และปกคลุมเนื้อที่กว้างใหญ่ มีการใช้ประโยชน์จากอากาศ น้ำ และวัตถุธาติต่างๆ ในดิน เพื่อการเจริญเติบโต มีการสืบพันธุ์ รวมทั้งให้ผลิตผลและบริการที่จำเป็นต่อมนุษย์
ปัจจัยที่ทำให้เกิดป่าไม้การที่ป่าไม้ในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันนั้นมีอิทธิพลมาจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่
1. แสงสว่าง (Light)
2. อุณหภูมิ (Temperature)
3. สภาพภูมิอากาศ (Climate)
4. ความชื้นในบรรยากาศ (Atmospheric Moisture)
5. ปริมาณน้ำฝน (Rain)
6. สภาพภูมิประเทศ (Site)
7. สภาพของดิน (Soil)
8. สิ่งมีชีวิต (Creature)

ดิน


ทรัพยากรดิน
ดินหมายถึง เทหวัตถุธรรมชาติที่ปกคลุมผิวโลก เกิดจากการแปรสภาพหรือสลายตัวของหินแร่ธาตุ และอินทรีย์วัตถุผสมคลุกเคล้ากันตามธรรมชาติรวมกันเป็นชั้นบาง ๆ เมื่อมีน้ำและอากาศที่เหมาะสมก็จะทำให้พืชเจริญเติบโตและยังชีพอยู่ได้
ชนิดของดิน
อนุภาคของดินจะรวมตัวกันเข้าเกิดเป็นเม็ดดิน อนุภาคเหล่านี้จะมีขนาดไม่เท่ากัน ขนาดเล็กที่สุดคืออนุภาคดินเหนียว อนุภาคขนาดกลางเรียกอนุภาคทรายแป้ง อนุภาคขนาดใหญ่เรียกว่า อนุภาคทรายเนื้อดิน จะมีอนุภาคทั้ง 3 กลุ่มนี้ผสมกันอยู่ในสัดส่วนที่ไม่เท่ากันทำให้เกิดลักษณะของดิน 3 ชนิดใหญ่ ๆ คือ ดินเหนียว ดินทราย และดินร่วน
1. ดินเหนียว เป็นดินที่เมื่อเปียกแล้วมีความยืดหยุ่น อาจปั้นเป็นก้อนหรือคลึงเป็นเส้นยาวได้เหนียวเหนอะหนะติดมือ เป็นดินที่มีการระบายน้ำและอากาศไม่ดี มีความสามารถในการอุ้มน้ำได้ดี มีความสามารถในการจับยึดและแลกเปลี่ยนธาตุอาหารพืชได้สูง หรือค่อนข้างสูง เป็นดินที่มีก้อนเนื้อละเอียด เพราะมีปริมาณอนุภาคดินเหนียวอยู่มาก เหมาะที่จะใช้ทำนาปลูกข้าวเพราะเก็บน้ำได้นาน
2. ดินทราย เป็นดินที่มีการระบายน้ำและอากาศดีมาก มีความสามารถในการอุ้มน้ำต่ำ มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ เพราะความสามารถในการจับยึดธาตุอาหารพืชมีน้อย พืชที่ชั้นบนดินทรายจึงมักขาดทั้งอาหารและน้ำเป็นดินที่มีเนื้อดินทรายเพราะมีปริมาณอนุภาคทรายมาก
3. ดินร่วนเป็นดินที่มีเนื้อดินค่อนข้างละเอียดนุ่มมือ ยืดหยุ่นได้บ้าง มีการระบายน้ำได้ดีปานกลาง จัดเป็นเนื้อดินที่เหมาะสมสำหรับการเพาะปลูกในธรรมชาติมักไม่ค่อยพบ แต่จะพบดินที่มีเนื้อดินใกล้เคียงกันมากกว่า
สีของดิน สีของดินจะทำให้เราทราบถึงความอุดมสมบูรณ์ปริมาณอินทรียวัตถุที่ปะปนอยู่และแปรสภาพเป็นฮิวมัสในดิน ทำให้สีของดินต่างกันถ้ามีฮิวมัสน้อยสีจะจางลงมีความอุดมสมบูรณ์น้อย


แร่ธาตุ


ทรัพยากรแร่ธาตุ
แร่ คือทรัพยากรธรณีที่เป็นอินทรียวัตถุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมีส่วนประกอบทางเคมีและลักษณะทางฟิสิกส์แน่นอนหรือเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อย แร่ธาตุถือว่าเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่สามรถสร้างทดแทนได้ ทั้งๆ ที่คุณสมบัติของแร่ธาตุเป็นสิ่งที่ทำลายให้สูญไปไม้ได้
 


การอนุรักษ์ทรัพยากรแร่ ดังได้กล่าวมาแล้วถึงทรัพยากรแร่ธาตุในปัจจุบันซึ่งกำลังประสบปัญหาหากไม่มีการป้องกันแก้ไข ดังนั้นการอนุรักษ์แร่ธาตุจึงเป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยได้ดังต่อไปนี้
1. การใช้แร่ธาตุอย่างประหยัดในการทำเหมืองแร่บางอย่างนั้นบางทีทรัพยากรแร่ธาตุที่ได้มาอาจมีหลายชนิด ดังนั้นจึงควรจะพยายามใช้ให้คุ้มค่าทุกชนิด อย่างประหยัดและลดการสูญเปล่า
2. การสำรวจแหล่งแร่ควรมีการเร่งรัดการสำรวจทรัพยากรแร่ธาตุให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อประโยชน์ในการวางแผนการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า
3. การใช้แร่ชนิดอื่นทดแทนพยายามหาแร่ธาตุอื่น ๆ มาใช้ทดแทนแร่ที่ใช้กันมาก อาทิการใช้อลูมิเนียมแทนเหล็ก
4. นำแร่ที่ใช้แล้วกลับมาใช้อีก เพื่อการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ควรมีการนำแร่ที่ใช้แล้วกลับมาใช้อีก อาทิ ภาชนะเครื่องใช้ที่เป็นอลูมิเนียมบางอย่างที่หมดสภาพการใช้ แล้วสามารถนำกลับมาหลอมใช้ใหม่ได้อีก
ชนิดของแร่จำแนกตามประโยชน์ที่ใช้ในทางเศรษฐกิจได้ 2 ประเภทดังนี้
1. แร่ประกอบหิน (Mineral rock) คือ หินที่มีแร่เป็นส่วนประกอบ เช่น หินแกรนิต ประกอบด้วย แร่ควอร์ต เฟลด์สปา และไมกา หินปูน ประกอบด้วยแร่แคลไซด์ และอื่นๆ
 

2.แร่เศรษฐกิจและอุตสาหกรรม (Industrial mineral) คือแร่ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจหรือทางอุตสาหกรรม แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1.1 แร่โลหะ (Metallic mineral) เช่น แร่เงิน ทองแดง สังกะสี เหล็ก ตะกั่ว ดีบุก ทังสเตน และอะลูมิเนียม 2.2 แร่อโลหะ (Nonmetallic mineral)เช่น แร่เฟลด์สปา แกรไฟต์ ดินขาว ใยหิน ฟอสเฟต ยิบซัม รัตนชาติ
 
 
 
สัตว์ป่า
 

1. สัตว์ป่าสงวน   เป็นสัตว์ป่าหายากหรือกำลังจะสูญพันธุ์ จึงห้ามล่าหรือมีไว้ครอบครองทั้งสัตว์ที่ยังมีชีวิตหรือซากสัตว์ เว้นแต่จะกระทำเพื่อการศึกษาวิจัยทางวิชาการหรือมีไว้เพื่อกิจการสวนสาธารณะ โดยได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมป่าไม้เป็นกรณีพิเศษ สัตว์ป่าสงวนมี 15 ชนิด คือ แรดหรือแรดชวา ละองหรือละมั่ง กวางผา เก้งหม้อหรือเก้งดำ แมวลายหินอ่อน พะยูน นกกระเรียน นกแต้วแร้วท้องดำ และนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร

 

2.สัตว์ป่าคุ้มครอง  หมายถึง สัตว์ป่าตามที่กฏกระทรวงกำหนดให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองกำหนดไว้ เช่น กระทิง กระรอกบิน กวาง เก้ง ชะมด ชะนี ไก่ป่า นกยูง นกแร้ง นกเงือก งูสิง งูเหลือม ปูเจ้าฟ้า เป็นต้น ซึ่งกฏหมายไม่อนุญาตให้ล่าได้หรือมีไว้ในครอบครอง (ซึ่งรวมถึงซากของสัตว์ป่าสงวนหรือซาก ของสัตว์ป่าคุ้มครอง) หรือค้า เว้นแต่การกระทำโดยทางราชการเพื่อการศึกษา วิจัย การเพาะพันธุ์ หรือเพื่อกิจการสวนสัตว์
 
ประโยชน์ของสัตว์ป่าสัตว์ป่ามีประโยชน์ต่อมนุษย์และทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ มากมาย ดังนี้
1. การเป็นอาหาร มนุษย์ได้ใช้เนื้อของสัตว์ป่าเป็นอาหารมาเป็นเวลายาวนานแล้ว เช่น เก้ง ไก่ป่า หมูป่า สัตว์บางชนิดถือว่าเป็นอาหารบำรุงร่างกายหรือเชื่อกันว่ามีประโยชน์ เช่น รังนกนางแอ่น ดีหมี ดีงูเห่า บางชนิดถือเป็นอาหารพิเศษและหากินได้ยาก เช่น อุ้งตีนหมี สมองค่าง เป็นต้น
2. ด้านเศรษฐกิจ ในอดีตการค้าสัตว์ป่าและซากสัตว์ป่า สามารถทำรายได้ให้แก่ประเทศได้มากมาย แต่มูลค่าลดลงอย่างมากในปัจจุบัน แต่ยังมีรายได้จากการขายมูลค้างคาวเพื่อทำปุ๋ย การเลี้ยงและรวบรวมพันธุ์สัตว์ป่าเพื่อเก็บค่าบริการในการเข้าชม
3. ด้านวิชาการ สัตว์ป่ามีประโยชน์ในด้านการศึกษาชนิดและพันธุ์สัตว์ ใช้เพื่อการค้นคว้าและทดลองยาหรือวัคซีนก่อนที่จะนำมาใช้กับคน
4. ด้านการนันทนาการ สัตว์ป่าสามารถก่อให้เกิดความสุขให้แก่มนุษย์ได้หลายลักษณะ เช่น ความสามารถในการแสดงเลียนแบบมนุษย์ เช่น การฝึกลิง ช้าง สิงโต นกแก้ว ความสวยงามของสัตว์ เช่น นกยูง ความไพเราะของเสียง เช่น นกเขา นกกางเขน ความแปลกหรือหายาก เช่น นกกาฮัง นกไก่ฟ้า เป็นต้น
5. การใช้ทำเครื่องประดับ เครื่องใช้ และเครื่องนุ่งห่ม โดยใช้ทำเครื่องประดับบ้าน เช่น เขากวาง งาช้าง หัวเสือ ใช้ทำเครื่องประดับจำพวกแหวน กำไล เช่น งาช้าง ใช้ทำเครื่องใช้ เช่น หนังสัตว์ ใช้ทำกระเป๋า เข็มขัด และรองเท้า รวมทั้งหนังและขนสัตว์บางชนิดนำมาใช้ทำเสื้อผ้า
6. ใช้เป็นยารักษาโรคหรืออาการผิดปกติ เช่น น้ำมันเลียงผาใช้นวดบรรเทาอาการเคล็ดขัดยอก นอแรดใช้เป็นยาแก้ปวด เป็นต้น
7. ใช้เป็นพาหนะหรือใช้งาน เช่น ช้างป่านำมาฝึกเพื่อใช้ลากซุง ม้าป่าสามารถนำมาฝึกเป็นพาหนะได้
8. ควบคุมให้เกิดความสมดุล เพราะสัตว์ป่าเป็นผู้บริโภคในระบบนิเวศที่ช่วยควบคุม การเพิ่มปริมาณของพืชและสัตว์บางชนิด ช่วยกระจายพันธุ์ไม้และผสมเกสรดอกไม้ รวมทั้งมูลสัตว์ป่ายังใช้เป็นปุ๋ยธรรมชาติได้เป็น
 
ปัญหาทรัพยากรสัตว์ป่าในปัจจุบันสัตว์ป่ามีจำนวนลดน้อยลงมาก ชนิดที่สมัยก่อนมีอยู่ชุกชุมก็ไม่ค่อยได้พบเห็นอีกบางชนิดก็ถึงกับสูญพันธุ์ไปเลย ปัญหานี้สาเหตุมาจาก
1. ถูกทำลายโดยการล่าโดยตรงไม่ว่าจะล่าเพื่ออาหารหรือเพื่อการกีฬาหรือเพื่ออาชีพ
2. การสูญพันธุ์หรือลดน้อยลงไปตามธรรมชาติของสัตว์ป่าเอง ถ้าหากไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนของสภาพแวดล้อมได้ หรือจากสาเหตุภัยธรรมชาติต่าง ๆ เช่น น้ำท่วม ไฟป่า
3. การนำสัตว์ป่าต่างถิ่น (Exotic aminal)เข้าไปในระบบนิเวศสัตว์ป่าประจำถิ่น ทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความสมดุลของสัตว์ป่าประจำถิ่นจนอาจเกิดการสูญพันธุ์
4. การทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ซึ่งก็ได้แก่การที่ป่าไม้ถูกทำลายด้วยวิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะโดยถากถางและเผาเพื่อทำการเกษตรกิจกรรมการพัฒนา เช่น การตัดถนนผ่านเขตป่า การสร้างเขื่อน ฯลฯ ทำให้สัตว์ป่าบางส่วนต้องอพยพไปอยู่ที่อื่นหรือไม่ก็เสียชีวิตขณะที่ถิ่นที่อยู่อาศัยถูกทำลาย